บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 15
บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 15
วิชา
การอบรมเลี้ยงดูปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ
แจ่มถิน
วันที่ 25 เดือนพฤศจิกายน 2557
กลุ่มเรียน 101 (วันอังคาร) เวลา 12.20 - 15.00 น.
ความรู้ที่ได้รับ
โรคสมาธิสั้น หรือ โรคเอดีเอชดี (Attention deficit-hyperactivity
disorder หรือ ADHD)
1. ลดสิ่งเร้า
สิ่งเร้าเป็นตัวสำคัญที่ทำให้สมาธิของลูกน้อยลง ดังนั้นการลดสิ่งเร้า สมองจะไม่ถูกกระตุ้นมากเกินไป ทำให้เด็กไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญ นำไปสู่การมีสมาธิกับสิ่งสำคัญได้มากขึ้น สำหรับวิธีลดสิ่งเร้านั้น คุณหมอแนะนำว่า พ่อแม่ควรจัดบ้านให้เรียบง่าย และเรียบร้อย ไม่ควรมีลวดลายสีฉูดฉาด หรือของตกแต่งบ้านมากเกินไป พร้อมทั้งจัดของให้เป็นระเบียบ เก็บของในตู้ทึบแทนตู้กระจก - ควรจัดที่เงียบ ๆ ให้ลูกได้ทำงาน หรือทำการบ้าน ต้องไม่มีเสียงโทรทัศน์รบกวน ส่วนบนโต๊ะควรมีเฉพาะสมุด ดินสอ และยางลบ - มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างสงบ พูดกับเด็กด้วยเสียงเบา ไม่ตะโกน โวยวาย รวมทั้งพ่อแม่ไม่ควรทะเลาะ หรือใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูก - หัดให้ลูกอยู่ในบรรยากาศที่สงบ หรือทำกิจกรรมเงียบ ๆ เช่น หัดให้นั่งเล่นในสนามหญ้าเงียบ ๆ ลดการเที่ยวศูนย์การค้า ไม่ซื้อของเล่นให้มากเกินไป อีกทั้งจำกัดเวลาดูโทรทัศน์ เล่นเกม และคอมพิวเตอร์ ด้านสภาพแวดล้อมที่โรงเรียน ควรจัดให้เด็กมานั่งใกล้ ๆ ครู ไม่ควรให้นั่งใกล้ประตูหน้าต่าง หรือเพื่อนที่ชอบเล่น ชอบคุย |
||||||
2.
เฝ้ากระตุ้น
- จำเป็นต้องมีผู้ใหญ่คอยติดตาม และตักเตือนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กเล็กไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ตลอดเวลา แม้จะรู้ และเข้าใจว่าควรทำสิ่งใดก็ตาม - เด็กต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่ และครูตลอดเวลา - ทำบันทึกร่วมกันระหว่างพ่อแม่ และครู วิธีการกระตุ้น - เตือนเด็กเมื่อถึงเวลาทำงาน หรือเตือนเมื่อหมดเวลาเล่น - โน้ตข้อความสำคัญในที่ที่เด็กเห็นได้ง่าย เช่น กล่องดินสอ โต๊ะเรียน ผนังห้อง หรือกระดาน - ตั้งนาฬิกา หรือเครื่องจับเวลาให้เด็กเห็นชัด ๆ ขณะทำงาน เพื่อให้เด็กกะเวลาได้ดีขึ้น และตั้งใจทำงานให้เสร็จทันเวลาที่กำหนด - แบ่งงานให้สั้นลง โดยให้เด็กได้พักเป็นช่วง ๆ - แนะเคล็ดวิธีช่วยจำให้ลูก เช่น การย่อ ทำสัญลักษณ์ ผูกเป็นโคลง - ให้เด็กอ่านออกเสียง หัดขีดเส้นใต้ขณะเรียน 3. หนุนจิตใจ - เด็กมักทำสิ่งต่างๆ ไม่สำเร็จ เพราะได้รับแต่คำตำหนิติเตียน หมดความมั่นใจ เด็กจึงต้องการกำลังใจอย่างมากจากพ่อแม่ และคุณครู - ระวังที่จะไม่เข้มงวด จับผิด แต่ควรเปิดโอกาสให้เด็กคิด - ช่วยเด็กหาวิธีแก้ไขจุดอ่อน เช่น ขี้ลืม - หาเรื่องตลกขำขันมาคุยกับเด็ก เล่นกับเด็กอย่างสนุกสนาน หรือพาเด็กออกกำลังกายบ้าง - ชมเด็กบ่อย ๆ เมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ดี หรือมีความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ - บอกสิ่งที่สังเกตได้ในทางบวก เช่น เหนื่อยไหม แม่เห็นลูกทำมานานแล้ว วันนี้ลูกคิดได้เร็วกว่าเมื่อวานเยอะเลยนะ หรือ ทำมาได้ตั้ง 3 ข้อแล้ว เอ้าเหลืออีก 2 ข้อเองคนเก่งของพ่อ |
||||||
4.
ให้รางวัล
เด็กที่สมาธิบกพร่อง มักจะเบื่อ และขาดความอดทน แต่หากมีรางวัลตามมา เด็กจะรู้สึกท้าทาย และมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น โดยการให้รางวัล ควรให้ง่ายๆ บ่อยๆ มากกว่าที่ให้เด็กทั่วไป และต้องให้ในทันที นอกจากนี้ควรเปลี่ยนรางวัลบ่อยๆ เพื่อให้เด็กได้สนุก และสนใจ อาจให้เด็กได้ลองคิดรางวัลเองบ้าง หรือให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเด็กเข้าใจ และมีส่วนร่วมในการให้แต้ม/รางวัลแก่เด็กตลอดเวลา สำหรับการให้รางวัล ถือเป็นแรงจูงใจที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเด็กได้ โดยมีขั้นตอนการให้รางวัลง่ายๆ คือ - ระบุพฤติกรรมที่ต้องการให้เกิดขึ้นทดแทนพฤติกรรมปัญหา (เลือกให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่มีผลต่อเด็กในระยะยาวก่อน) - ให้รางวัลกับพฤติกรรมใหม่ทุกครั้งที่เห็น - หลังจากฝึกได้ 1-2 สัปดาห์ เริ่มใช้การลงโทษแบบไม่รุนแรง เช่น Time out ตัดสิทธิ์ อดรางวัล เมื่อเกิดพฤติกรรมปัญหา - ใช้วิธีการให้รางวัลมากกว่าการลงโทษ 5. การพูดกับเด็ก - ไม่พูดมาก ไม่เหน็บแนม ประชดประชัน ไม่ติเตียน - บอกกับเด็กสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าต้องการให้ทำอะไรในตอนนี้ - หากไม่แน่ใจว่าเด็กฟังอยู่ เข้าใจ พ่อแม่ควรให้เด็กทบทวนว่าสิ่งที่สั่ง หรือพูดไปคืออะไรบ้าง อย่างไรก็ดี หากเด็กไม่ทำตามคำสั่ง พ่อแม่ควรใช้วิธีเดินเข้าไปหา จับมือ แขน หรือบ่า สบตาเด็ก พูดสั้น ๆ จากนั้นให้เด็กพูดทวน หากเด็กไม่ทำ ให้พาไปทำด้วยกัน หลีกเลี่ยงการบังคับ หรือออกคำสั่งตรงๆ แต่ใช้วิธีบอกกับเด็กว่าเขามีทางเลือกอะไรบ้าง เช่น หากต้องการให้เด็กเริ่มต้นทำการบ้าน แทนที่จะสั่งให้เด็กทำการบ้านตรงๆ อาจพูดว่า “เอาล่ะได้เวลาทำการบ้านแล้ว...หนูจะเริ่มทำภาษาไทยก่อน หรือจะทำเลขก่อนดีจ้ะ” เป็นต้น 6. นับสิ่งดี - หาเวลาหยุดพักสั้น ๆ ในแต่ละวัน - เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เด็กไม่ได้ตั้งใจทำตัวให้มีปัญหา แต่เด็กมีความผิดปกติในการทำงานของสมอง ทำให้คุมตัวลำบาก หยุดตัวเองได้ยาก และไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้ - ให้อภัยแก่เด็ก ตัวเราเอง และทุกคนที่อาจไม่เข้าใจในพฤติกรรมของลูก - คิดถึงความน่ารัก และความดีในตัวเด็ก และตัวเรา (พ่อแม่) เอง 7. มีขอบเขต - มีตารางเวลา หรือรายการสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้เด็กรับรู้ขีดจำกัด และช่วยควบคุมให้เด็กทำตามง่ายขึ้น - เรียงลำดับกิจกรรมง่าย ๆ ให้ชัดเจน และแน่นอน เช่น เวลาตื่น เวลานอน เวลาทำการบ้าน อ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมอื่นๆ - ไม่ปล่อยปละละเลย หรือตามใจมากเกินไป เพื่อไม่ให้เด็กสับสนและผัดผ่อนต่อรองบ่อย ๆ การดูแลลูกสมาธิสั้น สำคัญที่สุด พ่อแม่ต้องมีทัศนคติต่อเด็กในทางบวก ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้าใจก่อนว่าลูกไม่ได้แกล้งซน แกล้งดื้อ จากนั้นใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมที่ไม่ทำลายความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองของเด็กให้ลดลงตามวิธีที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อรู้จักลูกของเราแล้ว เรามาเลี้ยงเขาอย่างสร้างสรรค์กันดีกว่า |
ประเมินการเรียนการสอน
ตนเอง :
เข้าใจเนื้อหา
อาจารย์ : เข้าสอนตรงเวลา
สอนเนื้อหาเข้มข้นกระชับเข้าใจ
เพื่อน :
อธิบายความรู้ที่เรียนให้ฟังอย่าง มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น